ข้อควรคำนึงในการปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสีย

ข้อควรคำนึงในการปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสีย

5 ข้อสังเกตุในการปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียให้มีประสิทธิภาพ

ในยุคที่ประเทศไทยกำลังก้าวสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนตามนโยบาย BCG (Bio-Circular-Green Economy) ปี 2025 การปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่เพียงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังจะช่วยให้อุตสาหกรรม และ ชุมชนประหยัดต้นทุน และ ปฏิบัติตามกฎหมายที่เข้มงวดขึ้น น้ำเสียจากโรงงาน บ้านเรือน และ กิจกรรมอุตสาหกรรมหากไม่ได้รับการบำบัดอย่างเหมาะสมจะนำไปสู่ปัญหามลพิษทางน้ำ สุขภาพประชาชน และ ความเสื่อมโทรมของแหล่งน้ำธรรมชาติ ตามข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ (กคพ.) ได้รายงานว่าน้ำเสียในไทยได้มีปริมาณกว่า 10 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน และ มีเพียง 30% ที่ได้รับการบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพ การปรับปรุงระบบบำบัดจึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นเพื่อให้สอดคล้องกับกฎกระทรวงใหม่ปี 2567 ที่กำหนดมาตรฐานการบำบัดน้ำเสียให้สูงขึ้น ดังนั้นบทความนี้เราจะเจาะลึกข้อควรคำนึงสำคัญในการปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสีย โดยรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการ ชุมชน และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดและ ยั่งยืน

ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับระบบบำบัดน้ำเสีย และ ความจำเป็นในการปรับปรุง

ระบบบำบัดน้ำเสีย คือ กระบวนการกำจัดสารปนเปื้อนออกจากน้ำเสียก่อนปล่อยสู่แหล่งน้ำธรรมชาติหรือ นำกลับมาใช้ใหม่ โดยจะแบ่งเป็นระบบบำบัดขั้นต้น (กำจัดของแข็ง) ขั้นทุติยภูมิ (บำบัดทางชีวภาพ) และ ขั้นตติยภูมิ (บำบัดขั้นสูงเพื่อกำจัดสารเคมี และ เชื้อโรค) ในไทยระบบบำบัดแบบเก่าๆ เช่น บ่อซึมหรือ ถังแซทแบบดั้งเดิม มักมีปัญหาว่ามีประสิทธิภาพต่ำ ส่งผลให้เกิดกลิ่นเหม็น น้ำรั่วซึม และ มลพิษสะสม การปรับปรุงจึงหมายถึงการอัพเกรดเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และ สอดคล้องกับกฎหมายปัจจุบัน

โดยเหตุผลที่ต้องปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสีย คือ เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายใหม่ เช่น กฎกระทรวงการปฏิบัติงานเป็นผู้ควบคุมระบบบำบัดน้ำเสีย พ.ศ. 2567 ที่กำหนดให้อาคารใหม่ หรือ ปรับปรุงต้องติดตั้งระบบบำบัดสำเร็จรูป และ มีการตรวจสอบทุก 5-6 ปีเพื่อป้องกันการบวม หรือ รั่วซึม นอกจากนี้ เทรนด์ปี 2025 นั้นมุ่งเน้นความยั่งยืน เช่น การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ (Water Reuse) เทคโนโลยีบำบัดขั้นสูง (Advanced Water Treatment) และ ระบบ Zero Liquid Discharge (ZLD) ที่ไม่ปล่อยน้ำเสียออกสู่ภายนอก การไม่ปรับปรุงอาจนำไปสู่ค่าปรับสูงจากกรมควบคุมมลพิษ และ ความเสี่ยงต่อสุขภาพชุมชน

5 ข้อควรระวังในการปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสีย

  1. การประเมินสภาพระบบเดิม และ วิเคราะห์น้ำเสีย
    ก่อนการปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสีย ต้องประเมินสภาพระบบเดิมให้ละเอียดเพื่อหลีกเลี่ยงการลงทุนซ้ำซ้อน หรือ แก้ปัญหาไม่ตรงจุดก่อน สัญญาณเตือนว่าต้องปรับปรุง ได้แก่ กลิ่นเหม็น น้ำรั่วซึม การอุดตันบ่อย หรือ น้ำบำบัดไม่ผ่านมาตรฐาน BOD (Biological Oxygen Demand) และ COD (Chemical Oxygen Demand) ซึ่งควรจ้างผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ โดยวิเคราะห์น้ำเสียเพื่อดูปริมาณสารปนเปื้อน เช่น สารอินทรีย์ โลหะหนัก หรือ เชื้อโรค แล้วกำหนดเทคโนโลยีที่เหมาะสม เช่น ถ้าน้ำเสียที่มีของแข็งมาก ควรใช้ตะแกรงดักขยะ และ ถังตกตะกอนขั้นต้น

    ในปัจจุบัน กฎกระทรวงปี 2567 กำหนดให้ผู้ควบคุมระบบต้องผ่านการฝึกอบรม และ รายงานผลการตรวจทุกปี หากระบบเดิมเป็นบ่อซึมแบบเก่า ควรพิจารณาเปลี่ยนเป็นถังแซทสำเร็จรูปที่ประสิทธิภาพสูงกว่า เพราะบ่อซึมอาจรั่วซึมหลังใช้งาน 10-15 ปี และ ไม่เหมาะกับพื้นที่เมืองที่มีดินแน่น การวิเคราะห์นี้จะช่วยให้ปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียอย่างมีประสิทธิภาพ และ ประหยัดงบประมาณด้วย
  2. การเลือกเทคโนโลยี และ ขนาดระบบที่เหมาะสม
    การเลือกเทคโนโลยีระบบบำบัดน้ำเสียต้องสอดคล้องกับปริมาณน้ำเสีย และ ลักษณะของเสีย โดยปี 2025 ได้มีเทรนด์ใหม่ เช่น BioCircuit ที่ใช้พลังงานต่ำ และ นำน้ำกลับมาใช้ใหม่ หรือ ZLD ที่กำจัดของเหลวทั้งหมดเพื่อลดมลพิษ สำหรับบ้านเรือน หรือ อาคารขนาดเล็ก โดยควรใช้ถังบำบัดสำเร็จรูปที่คำนวณขนาดตามจำนวนผู้อยู่อาศัย เช่น บ้าน 4-6 คน ใช้ถังขนาด 1,000-2,000 ลิตร ส่วนโรงงานอุตสาหกรรม ควรใช้ระบบบำบัดขั้นสูงที่กำจัดสารเคมีด้วยวิธีทางกายภาพ เคมี และ ชีวภาพ

    ข้อควรระวัง คือ ขนาดถังต้องเหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการอุดตัน หรือ มีประสิทธิภาพต่ำ โดยคำนวณจากปริมาณน้ำเสียรายวัน และ เวลาเก็บกัก (Retention Time) อย่างน้อย 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ให้เลือกเทคโนโลยีระบบบำบัดน้ำเสียที่ใช้พลังงานต่ำเพื่อลดต้นทุน และ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ระบบบำบัดทางชีวภาพที่ใช้แบคทีเรียย่อยสลายสารอินทรีย์ เป็นต้น
  3. การปฏิบัติตามกฎหมาย และ มาตรฐานสิ่งแวดล้อม
    กฎหมายไทยที่เกี่ยวข้อง เช่น พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 และ กฎกระทรวงปี 2567 กำหนดให้ระบบบำบัดน้ำเสียต้องผ่านการรับรอง และ ตรวจสอบสม่ำเสมอ โดยผู้ควบคุมต้องผ่านการฝึกอบรม หากไม่ปฏิบัติตามอาจถูกปรับสูงถึงล้านบาท หรือ ปิดกิจการ ข้อควรคำนึง คือ การออกแบบระบบให้ปล่อยน้ำบำบัดที่มีค่า BOD ไม่เกิน 20 มก./ลิตร และ COD ไม่เกิน 120 มก./ลิตร ตามมาตรฐาน กคพ.

    ในปี 2025 นั้นได้มีเทรนด์ที่มุ่งเน้นการบำบัดเพื่อนำน้ำกลับมาใช้ใหม่เพื่อลดการใช้น้ำดิบ และ มลพิษ โดยควรปรึกษาหน่วยงานรัฐเพื่อขอใบรับรอง และ สิทธิประโยชน์ เช่น ลดภาษีสำหรับระบบยั่งยืนอีกด้วย
  4. การบำรุงรักษา และ ตรวจสอบระบบอย่างสม่ำเสมอ
    หลังปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสีย การบำรุงรักษาเป็นกุญแจสำคัญเพื่อให้ระบบทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยควรลอกตะกอนทุกๆ 5-6 ปี และ ตรวจสภาพทุกปีเพื่อป้องกันรั่วซึม หรือ อุดตัน รายการตรวจสอบ ได้แก่ ซ่อมปั๊มเติมอากาศ ตรวจ BOD/COD และ ทำความสะอาดตะแกรงดักขยะ หากละเลยอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ และ ค่าปรับได้ ซึ่งควรจ้างผู้เชี่ยวชาญเพื่อบำรุงเชิงป้องกัน และบันทึกข้อมูลเพื่อวิเคราะห์แนวโน้มในอนาคตด้วย
  5. การพิจารณางบประมาณ และ ความยั่งยืน
    งบประมาณของระบบบำบัดน้ำเสียต้องครอบคลุมค่าติดตั้ง ค่าบำบัด และ ค่าบำรุง โดยถังแซทใหม่ๆจะมีราคาเริ่มต้นที่ 10,000-50,000 บาทต่อหน่วย แต่ให้พิจารณาความยั่งยืน เช่น เลือกระบบที่นำน้ำกลับมาใช้เพื่อลดต้นทุนน้ำดิบ 20-30% นอกจากนี้ ให้คำนวณ ROI (Return on Investment) เพื่อดูว่าการปรับปรุงคุ้มค่า หรือ ไม่ โดยเทคโนโลยีขั้นสูงอาจคืนทุนภายใน 3-5 ปี เป็นต้น

จากที่กล่าวมาจะพบว่าการปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียต้องคำนึงถึงการประเมินสภาพเดิม การเลือกเทคโนโลยี ข้อกฎหมาย การบำรุง และ งบประมาณ เพื่อให้การใช้งานมีประสิทธิภาพ และ ยั่งยืน ใน

ปัจจุบันที่เทรนด์กำลังมุ่งสู่การบำบัดน้ำเสียขั้นสูง การลงทุนที่ถูกต้องจะช่วยลดมลพิษ และ ต้นทุนในระยะยาว โดยแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ดังนั้นหากสนใจระบบบำบัดน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพเราขอแนะนำ บริษัท พรีเมียร์ โพรดักส์ (มหาชน) จำกัด ที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำระบบบำบัดน้ำเสีย มี ถังดักไขมันไฟเบอร์กลาส ถังบำบัดน้ำเสียหลากหลายรุ่น และ ขนาด อีกทั้งยังมีประสบการณ์ มากว่า 45 ปี ซึ่งวิศวกรของเรามีความชำนาญในการให้คำปรึกษา ทั้งนี้ยังมีสินค้าให้ท่านเลือกอีกหลายรายการ ท่านจึงสามารถไว้วางใจให้เราดูแลท่านได้อย่างแน่นอน



บริษัท พรีเมียร์ โพรดักส์ จำกัด (มหาชน)

โทร : 02-301-2257
E-Mail : sale@pp.premier.co.th
Line : @pp.wtprofessional
Website : https://www.premier-products.co.th/

แชร์เนื้อหา

Facebook
Twitter
LinkedIn
Email
WhatsApp

เนื้อหาโพสล่าสุด