วิเคราะห์การดำเนินงานและฐานะการเงิน
1) ภาพรวมของธุรกิจของบริษัทและบริษัทย่อย
ในปี 2567 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังไม่สามารถฟื้นตัวและธุรกิจรับเหมาก่อสร้างแนวโน้มเป็นการลงทุนโครงการภาครัฐ บริษัทจึงเพิ่มช่องทางการตลาดกับกลุ่มเป้าหมายให้หลากหลายเพิ่มขึ้นและมุ่งรักษาฐานตลาดลูกค้าหลัก โดยมุ่งเน้นการนำเสนอคุณภาพการผลิตและการส่งมอบอย่างมีประสิทธิภาพ ในส่วนของผลิตภัณฑ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ซึ่งมีผู้ประกอบรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและความต้องการสินค้ากลุ่มนี้สูงขึ้น จึงทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคา อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมุ่งเน้นการให้บริการกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมและบ้านที่อยู่อาศัยโดยอาศัยทีมงานที่มีประสบการณ์ ส่วนธุรกิจพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ของบริษัทย่อย ยังคงมุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพกำลังการผลิตไฟฟ้า ซึ่งส่งผลให้กำลังการผลิตในปี 2567 สูงขึ้น
2) วิเคราะห์ผลการดำเนินงาน
ผลการดำเนินงานสำหรับงวด 12 เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ของบริษัทและบริษัทย่อยมีขาดทุนสำหรับปีจำนวน 29.13 ล้านบาท ผลขาดทุนลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 62.65 ล้านบาท ด้วยปี 2566 บริษัทย่อยมีการปรับปรุงเปลี่ยนแผงโซลาร์เซลล์เพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าแห่งที่ 2 จึงเกิดผลขาดทุนจากการด้อยค่าแผงโซลาร์ที่ถูกถอดออกซึ่งมีจำนวน 91.46 ล้านบาท ซึ่งหากไม่รวมผลขาดทุนจากการด้อยค่าแผงโซลาร์ ปี 2566 จะมีผลขาดทุน 0.31 ล้านบาท ผลขาดทุนปี 2567 เพิ่มขึ้นจำนวน 28.81 ล้านบาทจากรายได้เงินส่วนเพิ่มราคาซื้อไฟฟ้า (Adder) จำนวน 38.4 ล้านบาทของบริษัทย่อย เนื่องจากสัญญาครบกำหนดในเดือนเมษายน 2566 จึงทำให้ในปี 2567 ไม่มีรายได้ส่วนนี้ รายการเปลี่ยนแปลงในงวดสรุปได้ดังนี้
รายได้จากการขายและบริการของบริษัทและบริษัทย่อยมีจำนวน 1,191.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 91.69 ล้านบาท มีรายละเอียดดังนี้
บริษัทมีรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการจัดการน้ำเพิ่มขึ้นจำนวน 75.67 ล้านบาท ส่วนผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างลดลงจากงานโครงการ GRC ซึ่งบริษัทหยุดดำเนินการผลิตในปี 2567 และผลิตภัณฑ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาเพิ่มขึ้นจำนวน 138.79 ล้านบาท กำไรขั้นต้นมีจำนวน 227.82 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนเนื่องจากสภาวะการแข่งขันโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 19.8 อัตรากำไรลดลงจากปีก่อนร้อยละ 3.6
ส่วนกลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาดซึ่งเป็นของบริษัทย่อย รายได้จากการขายไฟฟ้ามีจำนวน 91.43 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน เนื่องจากแม้ว่าราคาค่าไฟฟ้าในปี 2567 มีอัตราลดลงจากปีก่อน 0.40 บาทต่อหน่วย จากการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าในปี 2566 ที่ส่งผลให้ปริมาณการผลิตไฟฟ้ามีปริมาณสูงขึ้นกว่าปีก่อน 2.43 ล้านหน่วย จึงมีผลทำให้ราคาค่าขายไฟฟ้าไม่เปลี่ยนแปลงจากปีก่อน เนื่องจากสัญญาราคาซื้อไฟฟ้าส่วนเพิ่มครบกำหนดเมื่อเดือนเมษายน 2566 จึงทำให้ในปี 2567 ไม่มีรายได้ส่วนนี้ อัตรากำไรขั้นต้นจากการขายไฟฟ้าอยู่ที่ร้อยละ 47.80
ต้นทุนในการจัดจำหน่ายมีจำนวน 159.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 7.73 ล้านบาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 5.11 ทั้งนี้ ต้นทุนในการจัดจำหน่ายโดยรวมคิดเป็นร้อยละ 13.85 ของรายได้จากการขายและบริการ ซึ่งมีอัตราลดลงจากปีก่อนร้อยละ 1.75
ค่าใช้จ่ายในการบริหารมีจำนวน 125.79 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 15.19 ล้านบาทจากค่าใช้จ่ายบุคลากรของบริษัทและบริษัทย่อย ซึ่งในส่วนของบริษัทมาจากการปรับโครงสร้างธุรกิจผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างเป็นหลัก
ผลขาดทุนจากการด้อยค่ามีจำนวน 2.71 ล้านบาท จากสินทรัพย์เครื่องจักรที่ไม่ใช้งานที่ถูกจัดรายการเป็นสินทรัพย์ที่ถือไว้เพื่อขาย ซึ่งได้จำหน่ายไปเมื่อเดือนมกราคม 2568 จำนวน 1.37 ล้านบาท และสำรองด้อยค่าของแผงโซลาร์จากการซ่อมบำรุงตามปกติจำนวน 1.34 ล้านบาท
รายได้อื่นมีจำนวน 7.74 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 0.39 ล้านบาท
ต้นทุนทางการเงินมีจำนวน 7.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 2.74 ล้านบาท จากการกู้ยืมเพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าของบริษัทย่อยเป็นหลัก
ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้มีจำนวน 1.33 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 2.53 ล้านบาท เป็นการคำนวณภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี
สรุปผลการดำเนินในส่วนของบริษัทมีผลขาดทุนสำหรับปี 46.81 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 90.50 ล้านบาท เนื่องจากปีก่อนมีรายได้เงินปันผลจากบริษัทย่อยจำนวน 90.72 ล้านบาท ซึ่งหากไม่รวมรายได้เงินปันผล ปี 2566 มีผลขาดทุน 47.03 ล้านบาท ดังนั้น ผลขาดทุนในปีจะใกล้เคียงจากปีก่อน เนื่องจากการขายและบริการมีอัตรากำไรลดลงตามที่กล่าวข้างต้น ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยมีกำไรสำหรับปีจำนวน 23.26 ล้านบาท ซึ่งหากไม่รวมรายการด้อยค่าแผงโซลาร์ของปี 2566 จำนวน 91.46 ล้านบาทและรายได้เงินส่วนเพิ่มราคาซื้อไฟฟ้า (Adder) ปี 2566 จะมีกำไร 7.33 ล้านบาท กำไรในปีเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15.93 ล้านบาท